Review:Hisoundaudio Live!

     

   คนที่เล่นเอียร์บัด จะมีเรตราคาที่ค่อนข้างกระโดดครับ Pk2 Pk1 MX980 สังเกตช่วง เรตราคาระหว่าง PK2 และ MX980 จะห่างกันค่อนข้างมาก เอียร์บัดที่แทรกๆในช่วง Pk2-MX980 ยังถือว่าน้อยมาก แล้ว Liveเล็ก ก็มาแทรกตรงช่วงระหว่าง Pk2 กับ Pk1 อีก ถือว่าโอเคเลยล่ะครับสำหรับราคาค่าตัวของมัน ซึ่งเสียงที่ทำได้ยังไม่ใช่แค่จิ้บๆซะด้วยสิ
   
หลังจากหายไปนานเลยนะครับ กะจะวางมือจากเรื่อง Gadget สักพัก เพราะว่าผมได้ไปติดใจ Turbine เอามากๆเลยล่ะครับ จนคิดว่าจะจบสายมาม่าแค่นี้ แต่ไอ้ดวงตาเจ้ากรรม ดันไปเห็น คุณเจมส์แห่ง Gladget Hifi
ตั้งกระทู้พรีออเดอร์ สินค้าในงาน canjoin ซึ่งทาง Gladget เป็นตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ Hisound จะไปออกบูธ แต่ผมก็ ไม่ว่างจะไปซักเท่าไร เลยขอสั่งก่อนงานในราคางานซะเลย ขอขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ก่อนอื่นผมจะมาดูที่กล่อนกันก่อนนะครับ เป็นกล่องกระดาษธรรมดาๆ ขนาดราวๆกล่องของ Soundmagic ล็อตเก่าๆครับ เป็นกระดาษสีแข็งๆ ด้านๆ มีเขียนว่า Audio Grade ซะด้วย ส่วนกล่องเก็บหูฟังที่แถมมา เป็นกล่องแข็งเนื้อเรียบเหมือนกับพวกกล่อง Beats Tour แบนแดงก๊อปล้นตลาดนั่นแล ขนาดจะใหญ่กว่ากล่องไวแสงนิดนึง ถือว่าพกไปข้างนอกลำบอกนิดหน่อย ยัดกางเกงยีนก็ตุงๆแปลกๆ เลยปล่อยมันนอนอยู่บ้านไปครับ

นี่ก้ประหลาดเหมือนกัน บัตร VIP เค้าให้มาทำไมหว่า ถ้าเป็นกระดาษยังเอามาเช็ดก้นทำประโยชน์ได้
แต่พลาสติกนี่....บาดตรูดแย่เลย XD
แล้วในกล่องก็ยังแถมฟองน้ำมาให้อีกสามคู่ แล้วก็กิ๊บหนีบเสื้ออีกอัน ฟองน้ำเป็นเนื้อดีมากครับ คิดว่าน่าจะหนากว่าฟองน้ำกลวงๆคู่ละห้าบาทอยู่โขล่ะครับ

ลักษณะภายนอก ตัวถังเป็นอลูมิเนียมครับ ถือว่าเนี๊ยบเลยทีเดียว "ถ้ามองผ่านๆ" ครับ

OTL เจอตรงนี้เข้าไปที เงิบส์ครับ ตกใจมากครับ ตัวตะแกรง ที่คิดว่าเป็นตะแกรงเหล็ก ก็กลับเป็นแบบนี้ครับ

ตะแกรง MX400 ชัดๆ ถึงตรงนี้ก็ชัดแปลกๆในงานดีไซน์เหมือนกันครับ แต่ว่าก็ว่า หูฟังก็ยังมี Footmade By Grado แถมหูฟังที่เอาบอดี้ MX400 ไปใช้ ก็เสียงเทพๆเยอะ พวกเราสนแค่เสียงสินะครับ ท่อง พุทโธๆ แล้วยัดหูเลยครับ

 แว๊บแรกที่คิดได้ หลังจากยัดหูแล้วสะบัดนิ้วเลือกเพลง คือความโปร่งครับ มันโปร่ง สบาย ยิ่งถ้าได้โซฟานิ่มๆ แล้วมีไอ้ Liveเล็กยัดหู มีเคลิ้มครับ เวทีเสียงของตัวนี้ อยู่ในระดับกลางๆ ราวๆกับที่ Pk2 ทำได้
แต่มิติ การวางเครื่องดนตรี ดีกว่ากันแบบเทียบไม่ได้ครับ Pk2 ผมว่ามันยังมีตีกันเล็กๆ แต่นี่มันแยกค่อนข้างขาดเลยครับ สัมผัสได้ถึงช่องเสียงระหว่างชิ้นดนตรีได้พอสมควร แล้วยังมีความสามมิติด้วยครับ ผมฟังเพลงที่คอรัสเยอะๆ ยังฟังได้ออกว่าร้องนำ อยู่ข้างบนคอรัสได้ชัดเจนทีเดียวครับ เรียกได้ว่า เรื่องมิติ เวที แยกชิ้นนี่ ทำได้ดีมากในราคานี้ครับ  ซึ่งเสียงที่ทำได้ยังไม่ใช่แค่จิ้บๆซะด้วยสิ ไม่ใช่แค่มิติเสียงซึ่งถือว่าทำได้ดีสมราคาแล้ว เสียงเบสของมัน ถือว่าเป็นเบสที่มีคุณภาพสูง เก็บตัวเร็ว อิมแพ็คปานกลาง แต่มีบาลานซ์ที่ดีครับ อะไรที่ควรมี ย่านดีฟ มิด และอัปเปอร์ ค่อนข้างครบ ไม่ใช่เหมือนหูบางตัว ที่ขาดๆ เกินๆไปในย่านต่ำ เสียงกลางที่โฟกัสชัดเจน พุ่งออกมาข้างหน้า คม แต่ไม่บาด มีการให้ไดนามิคที่ดีมาก นักร้องหญิงที่เสียงหวาน ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาได้ดี นักร้องชายที่ใส่อารมณ์ร็อคๆ ก็รู้สึกได้ตามนั้นจริงๆ เสียงแหลมที่ได้ เป็นแหลมที่คม แต่พริ้ว เป็นเสียงแหลมที่ให้โทนเย็น
และมีคุณภาพของเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี ผมไม่แปลกใจนะ ที่เว็บฝรั่ง จะเอาตัวนี้มาชนกันท็อปของเอียร์บัดอย่าง MX980 ถึงแม้จะสู้ไม่ได้ถ้าวัดกันแบบเนื้อต่อเนื้อ แต่ถ้าเอาราคามาวัดกัน พี่เซ็นมีหนาวแน่ครับ
สำหรับ Earbud ที่น่ากลัว และอาจจะมาแทนขวัญใจมหาชนอย่าง Pk2 ได้ ผมว่ามันมาแล้วครับ นั่นคือเจ้า Liveเล็ก จากทาง Hisound นั่นเอง

Review : Creative Aurvana Live! เจ้าเมพ Live ที่หลายคนกล่าวถึง

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของคอมมาร์ทครับ ฮิคกี้เลยออกไปล่าซักหน่อย หึหึ... กะว่า เอาว่ะ ไหนๆก็ว่างแล้ว ไปเที่ยวซักหน่อย เผื่อเจอของเลหลังวันสุดท้ายเมพๆ และแล้วก็ได้พานพบกับเจ้านี่ครับ เมพ Live

     เจ้า Creative Aurvana Live! นั้น ต้องบอกว่าเป็นที่กล่าวขานกันสนั่นกันว่อนโลก 2D ว่า มันเมพนักเมพหนา (ขอใช้คำนี้ละกัน ตามกระแสหน่อย 555+) ต้องบอกว่า ฮิคกี้อยากได้มาครอบครองเหลือเกิน ไปหาตาม Banana IT ที่เค้าว่ามีก็ไม่เคยเห็นซักที พอดีวันนี้ คอมมาร์ทวันสุดท้าย กับเจ้าเมพ Live ตัวสุดท้าย จึงตกมาอยู่ในมือผมจนได้ 555+

     มาดูลักษณะภายนอก กันดีกว่าครับ เจ้า Love เอ๊ย Live เนี่ย เป็น Fullsize ครับ ครอบหูได้เต็มใบพอดิบพอดีเลยครับ  

Pad หนังครับ นุ่มมากกกกก ใส่สบายครับ แต่อันนี้กลัวลอกเหมือนกัน แต่เอาเถอะ ลอกแล้วค่อยคิด 555+

กล่องครับ ดันมีแอบเขียนด้วยแหนะ ว่า For Definitive Music Listening สำหรับการฟังเพลงอย่างชัดเจน หุหุ รุ่นอื่นมรึงเอามาฟังเพลงไม่ชัดเจนหรือไง 55+

กล่องอีกมุม

ของที่มีในกล่องครับ มีแจ๊คแปลง 3.5 เป็น 6.3 สายต่อเพิ่มความยาว แต่ไม่เพิ่มความใหญ่ แล้วมีแถมซองใส่อีกอันครับ แต่ไม่ได้ถ่ายมา

กรูคือ เมพ Live!!!!

เสียงแบบแกะกล่อง
     ผมขอโฟกัสไปที่เสียงแหลมตัวนี้ก่อนเลยครับ แหลมเป็นแหลมที่คม เสียงกีตาร์โปร่ง มีความแน่น นุ่ม ฟังแล้วเหมือนกับกำลังกิน พอน เดอ ริง อยู่ ยังไงยังงั้น 55+ แต่ไม่ค่อยจะพริ้วซักเท่าไร หลังเผาอาจจะดีขึ้นนะครับ เสียงกลาง บางไปซักนิด แถมยังมีเสียง ซ ส ออกมาซะอีก แต่ในเนื้อเสียงของ Live ติดความหวานออกมามากพอดูครับ คงเป็นเพราะไดร์เวอร์แบบ Bio-Cellulose เหมือนกับ Sony Mdr E888 นั่นเอง ซึ่งตรงนี้เอง ทำให้เสียงกลางในบางจุดนั้น ไกล้เคียงกับที่ได้ยินจาก E888 ความหวาน ความ Echo ของเสียงร้อง เรียกได้ว่า เอามาฟังเสียงร้องของผู้หญิง อย่าง Olivia เหมือนโดนเจ๊แกกล่อมได้ใจจริงๆครับ โดยรวมแล้วความหวาน+Echo เนี่ย แทบจะเรียกได้ว่าหาได้ยากในไดร์เวอร์แบบ BA ที่สมัยนี้นิยมกันมากๆ แต่สำหรับแบบ Bio-Cellulose มันสื่อตรงนี้ออกมาได้จับใจจริงๆครับ
     ต่อมาเอาเป็นเรื่องของซาวด์สเตจของเจ้าเมพLive เลยแล้วกัน ว่าแล้วก็เปิดจึ้ก ไปที่เพลงแบบ Orchestra ดีๆซักเพลง เจ้า Live ตัวนี้ให้เสียงได้ดีสมชื่อ Live ครับ คือมีความกว้างมากครับ จุดสังเกตอีกจุดนึงคือ สามารถแยกชิ้นดนตรีได้ดีทีเดียว แต่ยังไม่ถึงกับขาดนะครับ ยังมีการเกยกันของชิ้นดนตรีให้เห็นบ้าง แต่สำหรับเพลง Pop Rock ฯลฯ ที่มีเครื่องดนตรีน้อยๆ 4-5 ชิ้นนี่กินขาด นี่ขนาดยังไม่เผาเลยนะเนี่ย ไม่รู้ว่าเผาซัก 100-200 ชั่วโมงจะขนาดไหน แล้วยังเรื่องการ Mod อีก ซึ่งเจ้าLive เนี่ย มันเอาไปโมได้หลายสูตรมาก ทั้งเปลี่ยนสาย โมไดร์เวอร์ เอาเป็นว่าพอได้ยินเสียงมันแล้ว มาดูราคาของมัน บอกได้คำเดียวว่า "แมร่งงงงงงโคตรคุ้ม"
     เรื่องของเบส เจ้าLive ให้เนื้อเบสที่มีปริมาณปานกลาง การเดินไลน์เบสจะรู้สึกว่าหัวโน๊ตไม่ชัดเจนเท่าไร อิมแพ็คมาเป็นแบบนุ่มๆ คุ้นๆเหมือนกันว่าเคยฟังอิมแพ็คแบบนี้จาก E888 ไม่ก็ Denon D1100 นี่แหละ แต่ถึงจะนุ่ม กลับลงไม่ลึกเท่าที่ควร เรียกได้ว่าก่อนเบิร์นเนี่ย เบสยังไม่เข้าที่ว่างั้น แต่ก็ถือว่าสุดคุ้มแล้วล่ะครับ

สรุป Fz ตัวนี้บอกได้คำเดียวว่า คุ้มมากครับ ทั้งวัสดุที่ดูแข็งแรง งานประกอปค่อนข้างเนี้ยบ เสียงที่ได้ก็ทำได้ดีมาก จริงๆแล้วผมค่อนข้างแอนตี้แบรนนี้อยู่นิดๆครับ แต่พอเจอตัวนี้เข้า ยอมเลย แถมได้มาในราคาเลหลังวันสุดท้ายคอมมาร์ทอีก หุหุ คุ้มมว๊ากกกก

DL:Horie Yui-Himitsu

อัลบั้มที่เก้ากันแล้วสำรับท่านยุย(อวยเป็นพิเศษ 555+) สำรับใครที่เคยดูอนิเมะคงจะจำเสียงท่านได้อยู่แล้วกับบทบาทมากมาย (จนไม่อยากเอ่ย) เอาเป็นว่า ถึงอายุจะมากแล้ว 3X กันแล้ว แต่เสียงท่านก็ยังฟังแล้วเคลิ้ม กับแนวอนิเม-ป๊อป เหมือนเดิม

Track List
01 Himitsu ~Prologue~
02 kiss to you
03 Coloring
04 True truly love
05 Himitsu ~Kimi wo Mite ta~
06 Imakara Kimi No Moto e
07 PRESENTER
08 Immoralist
09 MISSION
10 DEAR FUTURE
11 CHILDISH LOVE WORLD
12 YAHHO!!
13 sky fish
14 Himitsu ~Machiawase~


DL

[FLAC] : เมี๊ยวทอร์ /MF

เครดิต ASL

Freeware ที่ต้องมีติดเครื่อง!!

พูดถึงการหาโปรแกรมมาใช้งานสัก 1 โปรแกรม ชาวเน็ตทั้งหลายทั้งแหล่ ส่วนมากก็จะหาเอาตามอินเตอร์เน็ต ทั้งแคร็กบ้าง ฟรีบ้าง ซึ่งการใช้งานโปรแกรมที่แคร็กมานั้น ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ อาจจะถูกตำรวจซิวเอาได้ ถ้าเกิดตรวจสอบกันจริงๆ คราวนี้เราจึงจะมาแนะนำโปรแกรมฟรีๆ ที่บางตัวเมพกว่าของเสียตังอีกด้วย มาให้เป็นตัวเลือกแก่ท่านๆนะครับ อนึ่ง โปรแกรมองฟรีบางตัว ถึงคุณภาพจะเท่าของเสียเงิน แต่ Interface Gui มันใช้ยากกว่า ซึ่งต้องใช้ไปเรื่อยๆมันก็จะชินเองแหละครับ

โปรแกรม Antivirus
     โปรแกรม AV(ขอย่อแบบนี้ละกัน อย่าคิดลึกนะครับ OGC)

1) Avast Free

ชื่อ Avast คนใช้คอมมานานอาจจะแหยง แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้วครับ Avast ได้ปรับเปลี่ยน UI และประสิทธิภาพของโปรแกรมเรื่อยมาตั้งแต่เวอร์ชั่น 5 จนถึงปัจจุบันเวอร์ชั่น 7 เพิ่งออกได้ร้อนๆ ครับ ซึ่งมีฟีเจอร์เด็ดๆ ที่ของฟรีไม่มีเจ้าไหนมีเช่น Boot Time Scan และ Sandbox ซึ่งเจ้า BTS เราคงไม่ต้องไปพูดอะไรมาก เพราะความหมายก็ตรงตัวอยู่แล้วครับ ส่วน Sandbox ก็คือการสร้างพื้นที่ลับพื้นที่หนึ่ง เพื่อรันโปรแกรมที่เราไม่แน่ใจว่าจะทำความเสียหายต่อระบบหรือไม่ ซึ่งSandbox ได้มีมาตั้งแต่ Avast 6 แล้วครับ

หน้าตา UI

ดาวน์โหลด

  www.avast.com

โปรแกรม เล่นไฟล์วีดีโอ
ในสมัยก่อน โปรแกรมเล่นไฟล์วีดีโอดีๆนั้น ล้วนแต่มีราคาแพงมาก เช่น Power dvd ,WinDVD ซึ่งล้วนแล้วแต่แพงทั้งนั้นในสมัยนี้ แล้วยังหนักเครื่องอีก ติดตั้งโปรแกรมทีมีแอดมากมาย

1) K-lite Mega Codec

K-lite เป็นแพ็คของโปรแกรมดูหนังที่รวบรวม Decoder ของ Codec ต่างๆที่เป็น Opemsouce มามัดรวมเอาไว้ พร้อมทั้ง Plugin และ Filter สำหรับปรับแต่งภาพมากมาย เช่น ffdswhow และสามารถตั้งค่าโปรแกรมได้อย่างละเอียด (ถ้าใครไม่เมพพอ โหลดมากด Next------- ให้จบแล้วก็เปิดได้ละ)

ในตัว K-lite จะมีโปรแกรม Media player classic ติดมาด้วย ซึ่งเป็นโปรแกรมเอาไว้ดูหนัง ที่ คลาสสิกสมชื่อ หน้าตา UI ก็ไม่สวย

แต่มันเปิดไฟล์วีดีโอแปลกที่โหลดมาจากอินเตอร์เน็ตได้เกือบทุกประเภท เจ๋งพอป่ะล่ะ
ดาวน์โหลด

www.codecguide.com

โปรแกรม เผาแผ่น

ตามเคย หลายคนคงนึกถึงชือ Nero ขึ้นมาก่อนเลย ซึ่งไอ้ Nero เนี่ย นับวันยิ่งกากลงๆ (ฮิกกี้ว่าเวอร์ชั่น 7 ดีที่สุดละ) ปัจจุบัน Nero ได้ผันตัวเองจากโปรแกรมไร๊ท์ CD เป็นโปรแกรมจัดการด้านมีเดียต่างๆ แต่ก็มาตายที่หนักเครื่อง ฮิคกี้ขอแช่งให้มันเจ๊งในเร็ววัน 5555+

1) Ashampoo Burning Studio

ABS เป็นโปรแกรมเผาแผ่นที่ทางบริษัท ได้ออกมาถึงเวอร์ชั่น 11 แล้วในแบบ Shareware จากนั้นก็ได้ปล่อยเวอร์ชั่นเก่าคือ 6 ให้โหลดใช้กันฟรีๆ (ไอเดียนี้ดีนะ บริษัทอื่นน่าจะเอาไปใช้มั่ง ยาจกตาดำๆจะได้มีซอร์ฟแวร์ดีๆใช้ ถึงเก่าไปหน่อยแต่ใช้ดีเหมือนกัน)

UI

หน้าตาการใช้งานคล้ายๆ Nero Express ทำให้ไม่ต้องทำความเข้าใจใหม่ ใช้งานง่าย และ ฟรี

ขอเขียนไว้เท่านี้ก่อน ไว้ถ้ามีโปรแกรมไหน กระแสดีๆแรงๆ ค่อยมาเขียนต่อนะครับ 

Review : Yuin OK2

ถ้าจะพูดถึงเอียร์บัดที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดของยุคนี้ หลายๆคนคงนึกถึง Yuin Pk2 ที่เรียกได้ว่า เสียงดี คุ้มค่าคุ้มราคาทุกบาททุกสตางค์ ในราคาราวๆสองพัน แต่ได้หูฟังที่คุณภาพคับแก้ว ราวกับมีผีจีนสิงอยู่ในหูฟังยังไงยังงั้น ทั้งดีเทลละเอียด เสียงแหลมกรุ้งกริ้ง เบสกระชับฟังสนุกทั้งนี้คือความดีที่ Pk2 ได้สั่งสมเอาไว้กับนักฟังมาช้านาน........

แต่ วันนี้มันมาแล้ว(จริงๆมันมานานแล้ว จขบ. เพิ่งมี 555+) มันคือ Yuin Ok2!!!! โอ้ บร้ะ.....

มาดูที่กล่องบรรจุภัณฑ์ พอได้มาก็อุทาน "แสส นี่เอ็งไม่คิดลงทุนเรื่องพวกนี้เลยเหรอวะ" 

ก็มันเล่นมาเป็นกล่องกระดาษแข็งเนื้อมันราวกับไปตัดกล่องกระดาษรองเท้ามาพับเล็กๆยังไงยังงั้น

แต่เอาก็เอาเถอะ อย่างกราโด้อันเป็นหมื่นก็ยังใช้กล่องพิซซ่ามายัด เอียร์บัดผีจีนไม่กี่พันทำแบบนี้มั่งคงไม่เป็นไร XD

เปิดกล่องออกมา ฉ่าง... อ่าวฉิบหาย....ผีจีนจริงๆด้วยเว๊ยเฮ๊ย ไม่เห็นแม้แต่เงา ถึงแม้ใครจะทักว่าจขบ.จิตแข็งก็เถอะ ก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดี ....... (เพราะตรูขุดออกมาแล้ว 555+)

อุปกรณ์ในกล่องฮะ เยอะมาก........ แต่หลายๆคนคงงง ว่าเอ๊ะ นี่กรูซื้อเอียร์บัดมานะ ไหงแม่งมีจุกยางในเซ็ตด้วยวะ จุกพวกนี้ยังไงมันก็อินเอียร์ชัดๆ แถมมีกระดาษดำๆเล็กๆมาอีก จะเอาไว้เช็คตรูดก็ไม่ได้ คู่มือก็คงไม่ใช่ เรามาดูกันต่อไปละกัน

ดีไซน์ของ Ok2 นั้น มาในรูปแบบที่ว่า แนวเดียวกะรุ่นพี่ๆมันทั้งหลายนั่นแหละ แม้ว่ามันจะผลิตออกมานานโขแล้วก็ตาม ทาง Yuin ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนดีไซน์มันซักที ผมเชื่อได้เลยว่า คนที่ไม่รู้จัก Yuin มองดีไซน์นี้ผ่านๆ ยังไงก็คิดว่าราคามันไม่เกินสามสิบบาท ราวกับว่าถ้าโยนมันลงในกองหูฟังที่คลองถม ก็คงแยกไม่ออกกันเลยทีเดียว แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าผาครอบไดรเวอร์นั้น หนากว่า Pk2 พอสมควร เหมือนกันนะ แถมเจาะรูให้เห็นตะแกรงสังกะสีเผื่อเสียวให้อีก เอ๊ะ....... ตะกี๊เราเห็นจุกยางกับแท่งพลาสติกแปลกๆ แถมขนาดยังพอๆกับรูที่เจาะไว้อีก หรือว่า.......

ประกอปร่าง.... เหยดดดดดดดดดดดดดดดดด เอาล่ะสิ ท่านผีจีนยูอินเอาเข้าแล้ว เอาตีนก่ายหน้าผากคิดสิท่า ทำอะไรแผลงๆจนได้

ถ้าใครงงว่าไอ้กระดาษแปลกๆดำๆตอนแรกมันคืออะไร คำตอบของมันคือแว๊กซ์การ์ดครับ ...... เอ๊ะ อาจจะมีใครงงว่ามันคืออะไรสิท่า มันคือที่กันขี้หูร่วงลงไปในไดรเวอร์ยังไงล่ะ สำหรับคนที่มีขี้หูเปียก อาจจะทำให้ไดรเวอร์เน่าขณะฟังได้เลย แต่ถ้าเป็นพวกปกติ ก็ปล่อยผ่านได้จ้า

มาส่วนที่สำคัณที่สุด นั่นคือ เสียง นั่นเองจ้า ส่วนต้นตอที่ใช้ก็คือ Ipod touch g3 ต่อตรงๆ ไม่ต้องเล่นลวดลายต่อนู่นเพิ่มนี่ เพราะอะไรน่ะหรือ......... แต๊ะเอียหมดไม่มีตังไปซื้อน่ะ 555555+

โดยทดสอบเสียงโดยใส่ฟองน้ำธรรมดา ไม่มีการต่อท่อทำ IE แต่อย่างใด เพราผมถือว่า เดิมๆดีกว่า

(เสียงตอนแปลงเป็น IE เปลี่ยนตามขนาดท่อและขนาดจุกอีก แต่ใส่ไม่สบายหูเอาซะเลย)

ส่วนแรกที่อยากให้สังเกตคือ ซาวด์สเตจ มิติของเสียง เรียกได้คำเดียวว่า เหยดดดดดดดดดดดดดดดดด

จุดอ่อนของ Ok2 คือซาวสเตจที่ไม่เป็นรูป พอมาถึง Ok2 ปัญหานี้ได้แก้ไขไปแล้วครับ ซาวด์สเตจของ Ok2 เรียกได้ว่ากว้าง..... กว้างกว่า Pk2 เครื่องดนตรี เสียงร้อง มิติค่อนไปทางด้านหลังหัว อิมเมจของเสียงร้อง และเครื่องดนตรี เล็กกว่า Pk2 พอสมควร แต่มีความชัดเจนของโฟกัสเพิ่มเข้ามา ทำให้รู้สึกว่า มันโปร่ง ฟังสบายยยยย

ต่อมาคือเบสของ Ok2 เป็นเบสแบบชัดเจน สามารถแกะไลน์เบสมาเล่นได้เลยทีเดียว ดีพเบสยังไม่เยอะมาก เด่นไปทางมิดเบสและอัปเปอร์ จริงๆเพราะมันเป็นเอียร์บัดด้วยแหละ แต่เบสของ Ok2 จะว่าไงดีล่ะ.... 

มันกลมกล่อม อิมแพ็คมาแบบกลมๆ กระแทกแบบนุ่มๆ ไม่ใช่กระแทกเอามันว่างั้นเถอะงานนี้ พวกชอบฟังแนวร็อคเมทัลแหกปากพังกระเดื่อง คงไม่เลิฟซักเท่าไร แต่สำหรับคอเพลงบอสซ่าหรือพวกเพลงชิวๆ Ok2 เราซัดเรียบ 

เสียงร้องของ Ok2 มาแนวหวานนน ละมุน โฟกัสนิ่ง ชัดเจน และสิ่งที่ถือว่าเปลี่ยนจาก Pk2 จากหน้ามือเป็นหลังตรูด..... ก็คือเสียงบาด ซึ่ง Pk2 แรกๆ เสียงร้องพวก ส ซ มันจะบาดหูจนเลือดแทบออก(เวอร์)

พอมาเป็น Ok2 อาการนั้นหายไปหมดแล้ว แต่แล้ว......ผมก็คิดได้ว่า เอ๊ะ เสียงร้องแนวนี้มันคุ้นๆนะ แล้วก็ก้มไปหยิบ Sony E888 เก่าเก็บมาลองฟังเทียบ อ้าวเห้ย!!!! ผมว่า Ok2 ทำเสียงร้องได้ดีว่า E888 เสียอีก 

เพราะว่า E888 มันติดขุ่นกว่า อิมเมจใหญ่กว่า แต่ Ok2 มาแบบพอดีๆ ซึ่งคนที่ฟังเพลงร้องของสาวๆ คงสลบคาอ้อมอกนักร้องเลยก็เป็นได้(ฝันไปเหอะ)

เสียงแหลมของ Ok2 เป็นแหลมที่สะอาด ละเอียด พริ้วพอสมควรตรงนี้ก็ถือว่าทำได้ดีกว่า Pk2 เพราะทางรุ่นพี่นั้น แหลมออกจะแข็งๆไปนิด ถึงจะไปสูงกว่า แต่ Ok2 ธรรมชาติกว่า ละเอียดกว่า ตรงนี้ถือเป็นข้อดี เพราะจะได้ฟังนานๆไม่ล้าหู ซึ่ง Ok2 มาแนวฟังสบายๆอยู่แล้ว ทางยูอินเลยทำเสียงแหลมออกมาแบบนี้ก็เป็นได้

DL : Killer Song

ผลงานร่วมกันของ บักจุน Jun Maeda นักประพันธ์เพลงระดับเมพจากค่าย Key กับ Naginagi จาก Supercell

Released: 2011/12/29 
Track list
Killer Song
終わりの世界から
きみのairplane

DL

[FLAC]

บ้าทอร์

DL:Supercell Today Is A Beautiful Day

ALBUM INFORMATION:
Artists: Supercell
Release Date: 16/03/2011
Published By: Supercell
Catalogue number: SRCL-7488

01 Owari he Mukau Hajimari no Uta
02 Kimi no Shiranai Monogatari
03 Hero
04 Perfect Day
05 Fukushuu
06 Rock’n'roll Nandesuno
07 LOVE & ROLL
08 Feel so good
09 Hoshi ga Kagayaku Konna Yoru ni
10 Utakata Hanabi
11 You ga Akeru yo
12 Sayonara Memories
13 Watashi he


ถือว่าเป็นอัลบั้มที่รวมซิงเกิ้ลสุดฮิตของ Supercell เลยก็ว่าได้ครับ โดยส่วนตัวถือว่าบันทึกได้กลางๆ แต่เพลงเค้าเพราะมากครับ โดยเฉพาะเพลง Utakata hanabi(อวยเป็นการส่วนตัว 555+) มาแบบ Flac เต็มๆครับ


DL
[FLAC] 

Bakadetsu : Link

MF : part1/part2

FSN : part1/part2