วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

การศึกษาไทย จุด จุด จุด

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า การศึกษาของเมืองไทย เป็นการศึกษาปลายแคบ ที่เปิดโอกาสให้คนที่มีทุนทรัพย์ และครอบครัวที่ดี ในการพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่สูงนั้น ไม่ใช่ว่าจะพยายามอย่างเดียวแล้วเป็นได้ ถือว่าเป็นข้อด้อยที่รุนแรงของระบบการศึกษาไทย
     ชั้นอนุบาล เชื่อผมมั้ยครับ เด็กไทยส่วนมากเมื่อถึงวัยเข้าเรียนครั้งแรกของชีวิต ไม่มีใครพร้อมที่จะรับการศึกษาที่แบบเต็มใจซักคน ร้อยทั้งร้อย ร้องไห้งอแงที่จะเข้ามาเรียน และเมื่อเข้ามาเรียนในชั้นอนุบาล ก็จะพบกับการแข่งขันทั้งจากครอบครัว และเพื่อนนักเรียน และเป็นหนักเข้าในช่วงมัธยม ที่แตะละคนมุ่งจะเข้ามหาลัยที่ดี มีชื่อเสียง ทำให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ เห็นแนวทางสร้างผลประโยชน์ จากการแข่งขันของครอบครัว ทำให้เกิดระบบสอบตรง และแอดมิชชั่น ฯลฯ คิดดูนะครับ การสอบตรงที่หนึ่งๆนั้น ใช้เงินกันไม่น้อยเลยต่อนักเรียนม.ปลายหนึ่งคน คิดง่ายๆ สมมุติว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใช้เงินค่าสมัครสอบตรง คนละห้าร้อยบาท ถ้าเด็กคนนั้น สอบสักห้าที่ ก็จะมีเงินสะพัด สองพันห้าร้อยบาทต่อคน แล้วคิดดูสิว่า เด็กไทยเป็นล้านๆ จ้องจะสอบเข้ามหาลัยที่ดีๆกันทั้งนั้น ระบบ Gat Pat ก็เหมือนกัน ซึ่งดูเผินๆ จะเหมือนกับการช่วยนักเรียนให้สอบตรงง่ายขึ้นจากการใช้ข้อสอบรวมๆ แต่ในปัจจุบัน ก็กลายเป็นว่า ระบบเปลี่ยนตลอด แล้วใครละ จะยอมรับระบบง่าวๆแบบนี้???? แถมค่าสอบต่อรอบ ก็แพงฉิบ นักเรียนจนๆแดกแกลบอย่างเรา จะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย(ก็พ่อแม่อีกละ)

     กฏระเบียบการศึกษาของไทย เป็นกฏที่ถือว่า ประหลาด???? และยังความเห็นของครูบางส่วน(ไอ้ส่วนที่เส้นใหญ่ๆ) มักจะเห็นว่า แฟชั่นนั้น ผิดระเบียบ ทรงผมเอย....โรงเท้าเอย....การแต่งกายต่างๆนาๆ ที่ขัดตาอาจารย์ ทั้งที่มันไม่มีข้อห้าม ก็ถือว่าผิด บางโรงเรียนถึงขึ้น บังคับให้นักเรียนใช้กระเป๋าที่เป็นตราโรงเรียนเท่านั้นอีก(หึหึ....เงินเข้ารร.) ทั้งเรื่องชั่วโมงเรียนในห้องเรียนที่มากมายมหาศาล ขนาดโรงงานนรกเรียกพี่ เรียนวันละสิบชั่วโมง กรูจะบร้า.....
   
     ถึงบทความนี้จะดูระบายๆไปบ้าง แต่คิดไงได้ล่ะครับ เมื่อเห็นเด็กไทยยุคนี้เป็นแบบนี้ ถึงการแข่งกันเรียนจะเป็นสิ่งที่ดีในความคิดผม... แต่สิ่งที่เหนือยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากบรรยากาศในการเรียน "ทำบรรยากาศในการเรียนให้ดี มีหนทางพัฒนาสิ่งที่ชอบ มอบโอกาสในการศึกษาที่ดี "

                                           Hikkikomorikun 17/1/2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น